นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) กล่าวว่า แนวโน้มของกำไรสุทธิในปี 62 คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นตามรายได้ โดยคาดว่าปีนี้รายได้มีโอกาสเติบโตเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% เนื่องจากมีปริมาณงานเพิ่มเข้ามามากขึ้น ทั้งงานด้านการบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง รวมถึงงานออกแบบก่อสร้าง แม้ว่าปัจจุบันกลุ่มงานคอนโดมิเนียมที่เป็นงานหลักจะชะลอตัว แต่ได้งานในกลุ่มอื่นๆ เข้ามาชดเชย เช่น กลุ่มโครงการ Mixed Use,  อาคารสำนักงาน, โรงแรม และโรงพยาบาล เป็นต้น

     ขณะที่บริษัทยังเดินหน้าเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นงานของภาคเอกชนที่มีสัดส่วนสูงกว่า 90% ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะได้รับงานใหม่ที่อยู่ระหว่างรอผลการประมูลเข้ามาเพิ่มอีกกว่า 200-300 ล้านบาท และหนึ่งในงานที่คาดว่าจะได้รับเข้ามาเพิ่มเป็นงานบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยหนุนให้มูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้น

     บริษัทยังจะทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะรับรู้รายได้จาก Backlog เข้ามาอีกราว 20% จาก Backlog ทั้งหมดที่มีอยู่ที่ 1.75 พันล้านบาท จึงจะเข้ามาสนับสนุนรายได้ของบริษัทให้มีโอกาสเติบโตได้ตามที่คาดไว้ ส่วน Backlog ที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า

"การที่เราจะเติบโตในด้านรายได้เกิน 10% มาจากงานควบคุมและออกแบบ แม้ว่าปริมาณงานคอนโดในอุตสาหกรรมซึ่งเป็นงานหลักของเราจะลดลง แต่เราก็มีการกระจายกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลายในกลุ่มอื่นๆเข้ามาเพิ่ม ทำให้เรามีการกระจายความเสี่ยง"นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการซื้อกิจการ 1 รายภายในปลายปีนี้ โดยบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนที่ได้มาจากเงินระดมทุนส่วนหนึ่งจากการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 200 ล้านบาทรองรับการซื้อกิจการดังกล่าว จากเงิน IPO ทั้งหมดราว 400 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้น STI ในปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำกว่าราคาเสนอขาย IPO ที่ 6.30 บาท ถือว่าเป็นสิ่งที่บริษัทควบคุมไม่ได้  แต่บริษัทมองว่าการที่ทีมผู้บริหารและทีมงานของบริษัทสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจะทำให้นักลงทุนมั่นใจในศักภาพในการเติบโตของบริษัทเพิ่มมากขึ้น และจะมีผลต่อแนวโน้มของราคาหุ้น STI ในระยะต่อไป
 

ขอขอบคุณ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) วันที่ 4 กันยายน 2562