นางสาวจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI และนายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI เปิดเผยในงานเเถลงข่าว" นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่นักลงทุน" ว่า "สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์(STI)" คาดเคาะราคา IPO สัปดาห์หน้า เทรด mai ธ.ค.นี้
- บริษัทคาดว่าจะสามารถกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนหรือช่วงสัปดาห์หน้านี้ จำนวนไม่เกิน 68 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25.37% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในเดือนธันวาคม 61
- การระดมทุนในครั้งนี้ วางแผนจะนำไปลงทุนจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมทักษะความรู้พนักงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ประมาณ 40 ล้านบาท ลงทุนอุปกรณ์ระบบคอมพิวเตอร์ โปรแกรมด้านการออกแบบ ควบคุมงานก่อสร้าง และการเงิน-การบัญชี ประมาณ 30 ล้านบาท ลงทุนงานระบบและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และเงินทุนในการเข้าลงทุนในกิจการอื่นๆ เพิ่มขีดความสามารถของกลุ่มบริษัทให้ได้มาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศไทยและในระดับภูมิภาคต่อไป
- ด้านนายสมเกียรติ กล่าวว่า การเดินสายโรดโชว์ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อตอกย้ำนักลงทุนให้มีความเข้าใจในธุรกิจของกลุ่ม STI และรับทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงิน พร้อมวิสัยทัศน์ในการบริหารของคณะผู้บริหาร ด้วยจุดเด่นต่างๆ จากบุคลากรผู้มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทางธุรกิจ พร้อมด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และศักยภาพในการเติบโตของกลุ่ม STI ที่สอดคล้องกับการขยายตัวของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน ทำให้เชื่อว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสำหรับการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้
- ในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นอยู่ในขาลง บริษัทค่อนข้างมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและไม่มีความกังวลต่อสภาวะตลาดหุ้นในปัจจุบัน เนื่องจากพื้นฐานของบริษัทค่อนข้างมีความแข็งแกร่ง โดยผลการดำเนินงานมีการเติบโตที่ต่อเนื่องซึ่งที่ผ่านมา รายได้มีเติบโตเฉลี่ยปีละ 7 - 10% จึงเชื่อว่านักลงทุนจะมีความมั่นใจจากการเติบโตดังกล่าว ขณะเดียวกันจำนวนหุ้นที่ขาย IPO ในครั้งนี้ ค่อนข้างน้อย จึงมองว่าค่อนข้างมีความเหมาะสมต่อความต้องการของนักลงทุน
แหล่งที่มา : สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย