STI เผยครึ่งปีแรก 66 เดินหน้าคว้างานใหม่ หนุน Backlog อยู่ที่ 4,000 ลบ. มองครึ่งปีหลัง สัญญาณดี มีงานใหม่จ่อคิวรอเปิดประมูล

STI เผยครึ่งปีแรก 66 เดินหน้าคว้างานใหม่ หนุน Backlog อยู่ที่ 4,000 ลบ.

มองครึ่งปีหลัง สัญญาณดี มีงานใหม่จ่อคิวรอเปิดประมูล

กลุ่ม STI เผยภาพรวมครึ่งปีแรกเดินหน้าประมูลงานใหม่ แม้โปรเจ็กต์ภาครัฐในบางโครงการชะลอแผน แต่งานเมกะโปรเจ็กต์ภาคเอกชนเริ่มกลับมา ปัจจุบันตุน Backlog ไว้ที่ 4,000 ลบ. หนุนผลงานสตรองต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี ส่วนงบ Q2/66 ประกาศมีรายได้ราว 389 ล้านบาท กำไร 28 ล้านบาท แย้มครึ่งปีหลัง ใส่เกียร์ลุยประมูลงาน - ทยอยส่งมอบงานในมือตามแผน

นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI เปิดเผย กลุ่ม STI เดินหน้ารับงานใหม่ต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะงานโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศ ย้ำความเชื่อมั่น ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจที่ปรึกษาบริหารควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร โดยโครงการหลักๆ ในปัจจุบันของกลุ่ม STI ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้ เช่น โครงการ One Bangkok โครงการรถไฟรางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ โครงการรถไฟรางคู่สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 เป็นต้น

แม้ในช่วงไตรมาส 2/2566 รายได้จากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างมีจำนวนลดลงเล็กน้อย ผลกระทบมาจากงานโครงการภาครัฐขนาดใหญ่หลายโครงการยังไม่สามารถเดินหน้าพัฒนาตามแผนงานที่วางไว้ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และงานโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นต้น ซึ่งหากงานกลับมาเดินหน้าตามแผน จะสนับสนุนให้กลุ่ม STI ทยอยรับรู้รายได้เข้ามาตามความสำเร็จของงาน ในส่วนของรายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมและธุรกิจอื่นมีจำนวนใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ดี กลุ่ม STI ยังคงรักษาภาพรวมผลงานไตรมาส 2/2566 มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 388.8 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 สำหรับกำไรขั้นต้นมีจำนวน 113.8 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นตันอยู่ที่ร้อยละ 29.3 และมีกำไรสุทธิ จำนวน 27.7 ล้านบาท ด้วยความมุ่งเน้นควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหาร ต้นทุนต่างๆอย่างรัดกุม

สำหรับแนวโน้มปี 2566 มั่นใจว่า ภาพรวมกลุ่ม STI ยังคงรักษาความแข็งแกร่งทางด้านฐานะการเงินได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านสภาพคล่อง ภาระหนี้สินต่อทุน และยังคงรักษาอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นได้ในระดับสูง โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 กลุ่ม STI มีอัตราส่วนสภาพคล่อง 2.0 เท่า อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 1.1 เท่า ในขณะที่มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (Interest Bearing Debts) ต่อทุน 0.4 เท่า ในด้านผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) กลุ่มบริษัทยังคงรักษาอัตรา ROE ได้ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาสที่ 2/2566 ทำได้ถึงร้อยละ 17.6

นายสมเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า “งานก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ นับเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แม้มีการชะลอแผน แต่สุดท้าย ก็ต้องมีการเดินหน้าลงทุนตามนโยบายภาครัฐ ที่คาดว่าจะชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ การเปิดโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว เป็นโอกาสของกลุ่ม STI ลุยประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในอีก 2-3 ปี

ล่าสุด กลุ่ม STI ยังคว้างานที่ปรึกษาโครงการจ้างสำรวจและออกแบบโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ให้ดำเนินการในช่วงการสำรวจและออกแบบรายละเอียด และสนับสนุนระหว่างการก่อสร้างโครงการ ซึ่งมีมูลค่าสัญญากว่า 600 ล้านบาท สะท้อนความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม และมีบุคลากรเฉพาะทางในงานวิศวกรรมขั้นสูง สามารถบริหารโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ”