STI เผยงบครึ่งปีแรก 64 โกยรายได้ 867 ลบ. โต 37 % แกร่งสู้โควิด ตุนงานในมือแน่น 4,000 ลบ. แย้มครึ่งปีหลังลุยบิ๊กโปรเจ็กต์

STI เผยงบครึ่งปีแรก 64 โกยรายได้ 867 ลบ. โต 37 % แกร่งสู้โควิด

ตุนงานในมือแน่น 4,000 ลบ. แย้มครึ่งปีหลังลุยบิ๊กโปรเจ็กต์

 

          “สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ หรือ STI” ผู้นำที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้าง ประกาศงบ Q2/64 รายได้โตอยู่ที่ 411 ล้านบาท กำไรเกือบ 31 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรก รายได้ 867 ล้านบาท กำไร 71 ล้านบาท จากภาพรวมงานโครงการขนาดใหญ่เดินหน้าต่อเนื่อง แม้สถานการณ์โควิดส่งผลให้การส่งมอบในบางโครงการชะลอจากแผน บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นควบคุมต้นทุน พร้อมดูแลพนักงานให้ได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างความพร้อมในการทำงาน และจัดทัพทีมงานลุยประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์ หลังเห็นสัญญาณบวก มีงานจ่อรอประมูลอีกเพียบ แย้มปัจจุบัน ตุนงานในมือแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานโครงการขนาดใหญ่ ทยอยส่งมอบในช่วง 2 - 3 ปีจากนี้  

          นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยว่า แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 กลุ่มบริษัทฯ มุ่งมั่นในการบริหารงาน และรักษาความสามารถในการเติบโต ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้จากการให้บริการ 867 ล้านบาท

          ด้านผลการดำเนินงานงวดประจำไตรมาส 2/2564 มีรายได้จากการให้บริการ 410.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 2.2 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง มีสัดส่วน 82 % ส่วนรายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมและธุรกิจอื่นมีสัดส่วน 18 %

          ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รายได้จากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างเติบโตขึ้น 25.3 % จากภาพรวมงานโครงการหลักของกลุ่มบริษัทยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ One Bangkok โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โครงการอาคารชุดพักอาศัยหลายโครงการ โครงการอาคารสำนักงาน และโครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์ เป็นต้น

          ประกอบกับ กลุ่มบริษัทได้รับงานใหม่ในโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ ที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสภาวิศวกร, ศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่, สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ของ ธนาคาร ยูโอบี (ไทย), โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ มาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ และในอีกหลายโครงการ รวมถึง การส่งมอบงานในช่วงโค้งแรกของปีได้ต่อเนื่อง

          นอกจากนี้ บริษัทฯ รับรู้รายได้จากบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเข้ามาเต็มไตรมาส ขณะที่ รายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมและธุรกิจอื่นลดลงตามสถานการณ์โควิด โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดประชุมสาธารณะ หรืองานสำรวจโครงการที่แม้จะชะลอจากแผนไปบ้าง แต่อยู่ระหว่างเร่งเดินหน้าส่งมอบ อีกทั้ง ในช่วงไตรมาส 2 ของปีก่อน กลุ่มบริษัทมีการรับรู้รายได้ในงานโครงการออกแบบรายละเอียดงานโยธารถไฟความเร็วสูงไทยจีนช่วงที่ 2 นครราชสีมา – หนองคาย ซึ่งเป็นงานโครงการใหญ่

          อย่างไรก็ดี ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นในปีนี้  กลุ่มบริษัท ยังคงมุ่งมั่นบริหารงานเพื่อส่งมอบงานให้ลูกค้า ด้วยมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุด แม้ในช่วงที่ผ่านมา ภาครัฐคุมเข้มในการงดกิจกรรมในลักษณะของการรวมตัวกัน รวมทั้ง งดการก่อสร้างในบางพื้นที่ กลุ่มบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ภายในองค์กร  ควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม พร้อมทั้ง ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลหลายแห่ง รวมไปถึง การดูแลสวัสดิภาพของพนักงานในองค์กร และเตรียมความพร้อมทางด้านบุคลากร ให้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเกือบครบทุกคน เพื่อสร้างความมั่นใจการทำงานในอนาคต

          ทั้งนี้ ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมกันกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องใปจนถึง 2-3 ปีข้างหน้า ประเมินช่วงโค้งสุดท้ายของปี กลุ่มบริษัทพร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ โดยเฉพาะเมกะโปรเจ็กต์ที่จะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสในการเข้ารับงานเพิ่มขึ้น